วิธีออกแบบแพคเกจจิ้ง ด้วยตัวเอง เริ่มต้นยังไงให้โปรที่สุด?

วิธีออกแบบแพคเกจจิ้ง ด้วยตนเอง ควรเริ่มยังไงดี? เชื่อได้ว่าเป็นความกังวลใจของเจ้าของแบรนด์มือใหม่หลาย ๆ คนอย่างแน่นอน เนื่องจาก การออกแบบแพคเกจ นั้น ต้องอาศัยเรื่องเทคนิคและความชำนาญ ด้านประสบการณ์และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเลิศ สำหรับออกแบบและผลิตตัวบรรจุภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมกับสินค้าที่ได้ผลิตขึ้นมา เพื่อให้ความคุ้มครองสินค้า ห่อหุ้มสินค้า ตลอดจนสำหรับประโยชน์ใช้สอย เช่น ความสะดวกสบายในการหิ้ว สะดวกสบายในพกพาหรือการใช้ เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของแบรนด์ที่อยากออกแบบแพคเกจจิ้งเองจะกังวลเป็นพิเศษ ซึ่งวันนี้ Plastic Park ได้รวบรวมวิธีการออกแบบบรรจุภัณฑ์มาฝากทุกคนแล้วค่ะ ตามมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

วิธีออกแบบแพคเกจจิ้ง ด้วยตัวเอง ยากไหม ควรเริ่มยังไงให้เป๊ะตั้งแต่แรก?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “บรรจุภัณฑ์” หรือ “แพคเกจจิ้ง” เปรียบเสมือนประตูด่านแรกของสินค้า หากบรรจุภัณฑ์น่าสนใจและโดดเด่น ย่อมดึงดูดและมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ในการซื้อสินค้าชิ้นนั้นไม่มากก็น้อย แต่ในขณะเดียวกัน หากบรรจุภัณฑ์ไม่โดดเด่นสะดุดตา ก็อาจทำให้ลูกค้ามองข้ามสินค้าของเราไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่เจ้าของแบรนด์ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ทำไม “กล่องบรรจุภัณฑ์” จึงส่งผลต่อการตลาด?

หากพูดถึง กล่องบรรจุภัณฑ์ เราจะนึกถึงการออกแบบกล่องที่มีลายกราฟฟิกหรือรูปภาพที่สะท้อนให้เห็นตัวสินค้า รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ของสินค้าชนิดนั้น ดังนั้น การออกแบบกล่องจึงเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ถ้ากล่องใส่สินค้ามีรูปแบบไม่ดึงดูดใจลูกค้า แบรนด์นั้นก็อาจจะไม่ได้รับความนิยม สุดท้ายผู้ขายต้องกระตุ้นยอดขายด้วยวิธีอื่น เช่น การลงโฆษณาสินค้าในสื่อต่างๆ  ซึ่งเป็นวิธีการประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ได้ผลเพียงแค่ระยะสั้น เนื่องจากการโฆษณาเป็นสื่อที่ลูกค้าจับต้องได้ยาก ซึ่งสิ่งที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้มากกกว่า คือ บรรจุภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์ คือปัจจัยหลักที่เป็นแรงสนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้น หากผู้ขายสามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างก็จะมีผลต่อการเติบโตทางธุรกิจ อีกทั้งยังเพิ่มยอดขายและสร้างมูลค่าของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ไม่ได้อยู่ที่การใช้งาน แต่เป็นการออกแบบที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ถือเป็นการวางแผนการตลาดที่ลงทุนน้อยแต่สร้างมูลค่าได้มหาศาล
ท้ายที่สุด จากผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นว่า บรรจุภัณฑ์เป็นตัวแทนของแบรนด์ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุด ดังนั้น ผู้ผลิตควรออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สร้างความประทับใจพร้อมกับเชื่อมโยงความเป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้โดนใจผู้บริโภค      มากขึ้น ผลที่ตามมา คือ ยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น จะเห็นได้ว่า การออกแบบบรรจุภัณฑ์จึงไม่ใช่เพียงแค่งานศิลปะอีกต่อไป แต่คือ การออกแบบแผนการตลาด เพื่อให้ได้ยอดขายที่ดีที่สุดนั่นเอง “ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์”

5 วิธีออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สวยโดดเด่น ถูกใจผู้ขาย โดนใจผู้ซื้อ

สำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้นค่อนข้างเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยเฉพาะแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวที่ผู้บริโภคไม่เคยรู้จักเรามาก่อน การดีไซน์ให้ Packaing ดูโดเด่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งสามารถเริ่มต้นได้จาก 5 วิธดังนี้

1. รูปแบบง่ายต่อการใช้งาน

การออกแบบกล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) นอกจากจะต้องคำนึงถึงการป้องกันความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่งหรือระหว่างวางบนชั้นสินค้าแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานอีกด้วย ซึ่งกล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ที่ดีควรออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และสามารถสื่อสารได้ชัดเจนว่าเป็นกล่องสินค้าอะไร ยกตัวอย่างกล่องชาที่ดึงถุงชาออกมาได้ง่าย สะดวก และยังจัดเก็บรักษาซองชาได้อีกด้วย หรือกล่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วงนี้เป็นสินค้ายอดฮิตที่ผลิตออกมาหลากหลายแบรนด์ หากเราเพิ่มฟังก์ชั่นของกล่องให้แตกต่าง จะช่วยทำให้แบรนด์ของคุณดูน่าสนใจกว่าแบรนด์อื่นๆ ขึ้นอีกมาก

2. สีสันโดดเด่นน่าสนใจ

ให้คุณลองนึกภาพสินค้าชนิดเดียวกัน มีหลากหลายแบรนด์ที่วางเรียงขายอยู่บนชั้นในห้างสรรพสินค้า แล้วสินค้าของคุณก็ถูกวางบนนั้น คุณจะทำอย่างไรให้สินค้าของคุณขายได้ และลูกค้าสามารถเห็นสินค้าของคุณได้ชัดเจน อย่างแรกคือ คุณต้องสังเกตโทนสีแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ของแบรนด์อื่นๆ ข้อที่สอง ให้คุณเลือกใช้โทนสีที่แตกต่างออกไป เพื่อทำให้กล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) โดดเด่นขึ้นมา ข้อที่สาม ให้คุณเลือกใช้ชนิดของกระดาษหรือออฟชั่นหลังงานพิมพ์เป็นตัวช่วย เสริมให้กล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ของคุณดูสะดุดตา ยกตัวอย่าง กล่องเครื่องสำอางที่มักจะมีสีสันสดใสและใช้กระดาษเคลือบเงา เพื่อทำให้กล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) มีความโดดเด่น หรือกล่องลิปสติกขนาดเล็ก ที่สามารถเพิ่มออฟชั่นตัวกล่องให้ดูเด่นสะดุดตาได้ เช่น การเลือกใช้กระดาษฟอยล์ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มออฟชั่นความวิ้งแว๊บ เช่น การเคลือบด้าน + spot uv , การปั๊มนูน เป็นต้น

3. นำเสนอข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน

พฤติกรรมโดยทั่วไป เมื่อลูกค้าสนใจสินค้าของเราแล้ว ลูกค้ามักจะหยิบกล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ขึ้นมาอ่านข้อมูล ซึ่งสิ่งที่ลูกค้าต้องการ คือ ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงข้อดี จุดเด่น สรรพคุณเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงเครื่องหมายทางการค้าต่างๆ ที่การันตีคุณภาพ ทั้งนี้ ให้คุณเลือกข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น เพราะพื้นที่บนกล่องมีจำกัดจะกระหน่ำใส่สรรพคุณทุกอย่างลงไปไม่ได้ อีกทั้ง ถ้าคุณใส่ข้อความเยอะเกินไปจะทำให้กล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ไม่มีจุดเด่น แถมยังดูรก ไม่สวยงาม

4. สร้างภาพจำให้ลูกค้า

ภาพจดจำของแบรนด์เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยที่ลูกค้าสามารถจดจำกล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) ของคุณได้เมื่อสินค้าวางอยู่บนชั้นสินค้ามากมายหลายชิ้น หรือเมื่อพูดชื่อแบรนด์สินค้าของคุณ ลูกค้านึกถึงกล่องแพคเกจจิ้งได้ทันที เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ง่าย เทคนิคการออกแบบ คือ เน้นโลโก้ที่เรียบง่ายและเน้นโทนสีของกล่องที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งสองสิ่งนี้จะช่วยสร้างภาพจำให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

5.รีแพ็คเกจจิ้ง

การสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร แต่การใช้แพ็คเกจจิ้ง (packaging) เดิมแบบเดียวไม่เปลี่ยนแปลงเลยอาจจะดูน่าเบื่อกับยุคสมัยนี้ ที่ต้องการความแปลกใหม่ มีความทันสมัยตลอดเวลา มีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีสินค้าเกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ดังนั้นกล่องแพคเกจจิ้งของคุณควรมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม ในการออกแบบสไตล์ของบรรจุภัณฑ์นั้นควรออกแบบให้ออกมาสวยน่าซื้อและถูกใจผู้บริโภค ดังนั้น ก่อนเริ่มต้นออกแบบ เจ้าของแบรนด์ควรศึกษาเทรนด์แพคเกจจิ้งร่วมด้วยเพื่อนำมาพิจารณาให้เข้ากับแบรนด์และตอบโจทย์กับการทำการตลาดให้มากที่สุด

3 ขั้นตอนเริ่มต้นออกแบบแพคเกจจิ้งด้วยตนเองง่าย ๆ เป็นมือโปรได้แม้เป็นมือใหม่!

สำหรับขั้นตอนของการออกแบบ Packaging ด้วยตนเองที่เจ้าของแบรนด์ควรทราบเบื้องต้น ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ…

1. ขั้นตอนก่อนเริ่มออกแบบ

สำหรับขั้นตอนนี้จะมีความสำคัญมาก ๆ เพราะเป็นช่วงของการวิเคราะห์ลูกค้าแลตีโจทย์ออกมาให้แพคเกจจิ้งแสดงถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องถูกใจกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน โดยหลัก ๆ เราต้องตอบคำถามพื้นฐานให้ได้ เช่น เอกลักษณ์ของสินค้าของเราเป็นอย่างไร จะเป็นแนวเรียบหรู สีเข้ม ดูแพง หรือแนวเรียบง่าย คลาสสิค ลองเลือกเอกลักษณ์แบรนด์ของคุณเพื่อเตรียมออกแบบแพคเกจจิ้งในขั้นต่อไปนั่นเอง

2.ขั้นตอนการออกแบบ

ในขั้นตอนนี้เจ้าของแบรนด์สามารถเริ่มต้นกำหนด สไตล์, สี และฟ้อนต์ ของแพคเกจจิ้งได้เลย ลองกำหนดรูปแบบให้ชัดเจนว่าเป็น สไตล์ minimal สไตล์หรูหรา หรือสไตล์สีสันสดใส ใช้ฟ้อนต์ยังไงให้ดูมีความโดดเด่น น่าสนใจ และแปลกตา เป็นต้น นอกจากนี้รวบรวมข้อมูลที่ต้องมีบนแพคเกจจิ้ง เช่น ข้อมูลวันหมดอายุ วันผลิตสินค้า ภาพสินค้า ภาพกราฟฟิก รายละเอียดข้อมูลส่วนประกอบ ข้อมูลผู้จัดจำหน่าย ฯลฯ เพื่อให้ข้อมูลที่ควรมีทั้งหมดครบครันด้วย

3.ขั้นตอนเลือกประเภทแพคเกจจิ้ง

การเลือกประเภทของบรรจุภัณฑ์นั้นควรที่จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของการใช้งาน ว่าสินค้าของคุณเป็นเครื่องสำอางชนิดไหน และมีวิธีการใช้งานอย่างไร แต่ไม่ควรที่จะยึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆ ว่าบรรจุภัณฑ์แบบนี้จะใช้กับสินค้าประเภทนี้เท่านั้น เมื่อหาบรรจุภัณฑ์ที่ใช่สำหรับคุณได้แล้วก็ถึงขั้นตอนในการหาแหล่งที่ผลิตแพคเกจจิ้งของเราได้เลย ซึ่งหลังจากนั้นจะเป็นส่วนที่เจ้าของแบรนด์จะทำการปรึกษากับทางโรงงานต่อไป

บทความที่คุณอาจสนใจ >> 4 โปรแกรมออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์มือใหม่สุดๆ

อย่างไรก็ตาม บรรจุภัณฑ์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดี ก็เปรียบเสมือนการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า หากต้องการคำปรึกษาเรื่องการออกแบบและการผลิตบรรจุภัณฑ์สามารถปรึกษากับทาง Plasic Park ได้เลยค่ะ มั่นใจได้ว่าเราจะทำให้บรรจุภัณฑ์ของคุณแตกต่างและโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ๆ แน่นอน

Plastic Park ขายส่งบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง ขวดปั๊ม กระปุกบรรจุครีม หลอดครีม พร้อมพิมพ์ไม่จำกัดสี

พลาสติกพาร์ค เราเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง และเวชภัณฑ์ทุกชนิด เช่น กระปุกบรรจุครีม หลอดครีม ขวดครีม หัวปั้ม หัวสเปรย์ เรามีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์หลากหลายกว่า 1,500 รายการ จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง ด้วยราคาจากโรงงานโดยตรง ทั้งนี้ เรามีรูปแบบของสินค้าให้เลือกมากมายกว่า 1,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็น บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง /ขวดพลาสติก/ขวดเครื่องสำอาง / กระปุกบรรจุครีม / ขวดเซรั่ม /กระปุกสครับ /ตลับครีม / ขวดอโรม่า ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่จะนำไปต่อยอดสินค้าของแต่ละท่าน เพื่อสร้างความน่าสนใจ และเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่อยู่ด้านในได้อย่างลงตัว เราเชื่อว่า หากลูกค้าได้ข้อมูลที่เพียงพอ จะนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้า และเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าได้

บทความที่เกี่ยวข้อง